ผู้เขียน เก็บเกี่ยวเรื่องราวระหว่างทางสมบุกสมบันด้วยมุมมองของคนที่ไปเห็น ไปรู้ ไปเจอมากับตัว อย่างตรงไปตรงมา ทำให้ภาพของนักเดินทางแบกเป้ เปลี่ยนไปจากผู้แสวงหาเพื่อเข้าอกเข้าใจ เป็นผู้ไปมาแล้วและกลับมาเล่าให้เพื่อนฟัง ไม่ซาบซึ้งไปกับทุกสิ่งจนดูฟูมฟาย ไม่แตกยอดกลายเป็นวาทะอมตะ แต่สิ่งที่นำกลับมาอย่าง 'Real Time' ทำให้เรื่องราวสนุกเหมือนเดินทางพร้อมกับเธอ และกลับมาด้วยกันแล้ว
ได้เห็นน้ำใจของเพื่อนลาวบนรถบัสคันนั้น
ได้รู้สึกเสียดายหนุ่มหล่อที่คลาดกันตามขบวนรถไฟ ทำไมบุพเพไม่อาละวาด
ได้รู้สึกเหงาจับใจไปด้วยกันที่สถานีรถไฟเมืองวินห์ กับจอทีวีไร้เสียง
การเดินทางท่องเที่ยวเพียงเวลา 1 เดือน อาจถมที่ว่างความทรงจำให้เต็มไปได้เป็นเท่าทวีของเวลาจริง
เวลาสั้นๆที่ทั้งสุขและเหงาในต่างบ้าน หรือต่างเมือง อาจหวนกลับมาให้เราอมยิ้มในวันที่งานยุ่งเป็นบ้า มิตรภาพระหว่างทางอาจช่วยฉุดรั้งไม่ให้เราเหงาจนเกินไปเวลาอยู่คนเดียว
นี่ล่ะ เสน่ห์ของการเดินทาง
See you again เป็นหนังสือที่เล่าถึงเรื่องราวการเดินทางแถบอินโดจีนของผู้เขียน โดยเล่าถึงประสบการณ์ที่พบเจอในแต่ละประเทศ ตั้งแต่เริ่มต้นออกเดินทางไปจนถึงตอนกลับบ้าน ผู้เขียนได้บรรยายประสบการณ์ที่ได้เก็บเกี่ยวระหว่างเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตของผู้คนในแต่ละเมือง วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ อุปนิสัย พร้อมทั้งยังได้ถ่ายภาพสวยๆมาฝากผู้อ่านอีกด้วย
ซึ่ง See you again ในความหมายของผู้เขียน นั้นหมายถึงคำบอกลาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประกายแห่งความหวังว่าจะได้พบกันอีกครั้ง
ไม่รู้สิ เวลาอ่านหนังสือท่องเที่ยวเล่มอื่นที่มีในท้องตลาด ผมจะรู้สึกว่าอยากไปจังเลย มันทั้งสวย ทั้งโรแมนติก แต่พออ่านเรื่องของพี่แอนจ๋า ผมกลับรู้สึกว่าผมได้ไปกับเธอแล้ว ไปถึงลาว เวียดนาม กัมพูชา และกลับบ้านพร้อมกับเธอมาแล้ว
ไปได้กลิ่นขี้เหม็นๆของไอ้หน้าหล่อชาวญี่ปุ่นลอยติดจมูก
ได้นั่งฟังสาวสวิส สาวเยอรมัน และสาวใต้คุยกันเรื่องความรัก
เห็นฉากการทวงเงินคืน หลังจากแอนจ๋าหยิบแบงก์ผิดใบ จากแบงก์พันเป็นแบงก์หมื่น ซื้อของแม่ค้าแล้วนึกขึ้นได้ เดินกลับมาประจัญหน้ากันเหมือนฉากดวลปืนในหนังคาวบอย