ตลอดระยะเวลาอันยาวนานในประวัติศาสตร์ของเอเซอร์ เราได้พยายามเน้นไปที่การพัฒนาศักยภาพในด้านการวิจัยและการออกแบบ รวมทั้งการตลาดให้เฉียงคมยิ่งขึ้นมาโดยตลอด ถ้าหากเราจำเป็นต้องลงทุน เรามิได้หวั่นเกรงว่าเรา จำเป็นต้องถอยกลับมาตั้งหลักสิ่งที่เราหวาดกลัวก็คือการทำผิดพลาดซ้ำซ้อนเนื่องจากละเลยประสบการณ์อันมีค่าในอดีต เราหวังว่าหนังสือเล่มนี้จะช่วยทำให้เพื่อนร่วมงานชาวเอเซอร์และคู่ค้าของเอเซอร์ทั่วโลกมีโอกาสที่จะทำความเข้าใจต่ออดีตและอนาคตของเอเซอร์ รวมทั้งยังอาจจะใช้เป็นหนังสืออ้างอิงสำหรับผู้ที่สนใจต่อปรัชญาและวิธีการดำเนินธุรกิจของเอเซอร์อีกด้วย
การตีพิมพ์หนังสือเล่มนี้ประจวบเหมาะกับช่วงเวลาเดียวกับที่ เอเซอร์ฉลองครบรอบ 20 ปีพอดี และกำลังจะก้าวไปสู่ทศวรรษที่สามซึ่งในสองทศวรรษแรก เอเซอร์ได้เริ่มต้นจากแนวคิดที่ว่า "เข้าถึงผู้คนในประเทศต่าง ๆ" และก้าวไปสู่การเป็น "ประชาคมโลก" โดยที่ภาระกิจหลักในช่วงเวลาดังกล่าว ก็คือการทำให้ยี่ห้อของเอเซอร์กลายเป็นชื่อที่ติดปากทุกคนไปทั่วโลก ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นใคที่อยู่ที่ไหนก็ตามก็สามารถสัมผัสกับเทคโนดลยีใหม่ ๆ ของเอเซอร์ได้ตลอดเวลา ซึ่งการที่จะดำเนินงานเพื่อทำให้บรรลุเป้าหมายนี้ให้ได้นั้น เหล่าเพื่อนร่วมงานชาวเอเซอร์ที่มีอยู่ทั่วโลกจำเป็น เข้าถึงจิตวิญญาณวัฒนธรรมใอองค์กรของเอเซอร์ได้ รวมทั้งต้องนำไปปฏิบัติจริงให้ได้ด้วย แถมยังต้องดำเนินงานให้มีประสิทธิผลมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย ผมเชื่อว่าการที่บรรลุจดประสงค์ดังกล่าว คำพูดน่าจะเป็นสื่อกลางที่ดีที่สุด
บทนำ หลักปรัชญาของความท้าทาย
ภาคที่หนึ่ง วางรากฐานให้เอเซอร์
บทที่ 1 หนทางสู่การเริ่มต้นธุรกิจ
บทที่ 2 หล่อหลอมวัฒนธรรมขององค์กร
บทที่ 3 บทเรียนเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา
บทที่ 4 แก้ภาพพจน์ "เมดอินไต้หวัน" = "ของห่วย"
ภาคที่สอง การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายในของเอเซอร์
บทที่ 5 วิธีหลบหลีกกับดักทางด้านการบริหารการเงิน
บทที่ 6 ยกเครื่องเพื่อสร้างชีวิตใหม่ให้องค์กร
บทที่ 7 ความล้มเหลวและแผนบุกตลาดอินเตอร์ครั้งใหม่
บทที่ 8 การลงทุนระยะยาว : หว่านเม็ดน้ำตา เก็บเกี่ยวรอยยิ้ม
ภาคที่สาม นำเอเซอร์ไปสู่ศักราชใหม่
บทที่ 9 การเปลี่ยนปปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมสารสนเทศ
บทที่ 10 นโยบายหลักสามประการของเอเซอร์
บทที่ 11 "การวางนโยบายแบบเกมโกะ" และ "กราฟเส้นโค้งรูปรอย
ยิ้ม"
บทที่ 12 ฝึกปรือยอดฝีมือและ "ส่งไม้ต่อ"
บทที่ 13 เป็นผู้ชนะที่เรียนรู้จากความพ่ายแพ้