หนังสือเล่มนี้จึงเป็นเสมือน "บันทึกแห่งชีวิตและทรรศนะ" ของ ตรัย ภูมิรัตน เป็นบันทึกที่เขาจดจารมันอย่างเรียบ-ง่าย-ซื่อ-ใส และบางชิ้นเดาว่าเป็นไปอย่างฉับพลัน ผมเป็นบรรณาธิการให้หนังสือเล่มนี้โดยแทบจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงแก้ไขตัวหนังสือที่ถูกส่งมาให้อ่านเลย เหตุผลเพราะอยากคงไว้ซึ่งอารมณ์และความรู้สึกของผู้เขียนให้มากที่สุด
ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่าเมื่อได้อ่านหนังสือเล่มนี้ คุณจะได้สัมผัสและสื่อสารกับ อารมณ์ ความคิด และความรู้สึกของผู้เขียนโดยตรงและแท้ บางบทตอนในหนังสือเล่มนี้เหงา บางบทเศร้า บาบทน่ารัก ขณะที่บางบทเกี้ยวกราด และอาจเพราะมีภาพจำว่าเขาเป็นนักแต่งเพลง ระหว่างที่อ่านในบางบทตอน ผมรุ้สึกคล้ายมีท่วงทำนองเคลียคลออยู่ในอากาศ
(วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์)
เราทุกคนต่างเกิดมาเพื่อที่จะทำอะไรสักอย่าง เบื้องบนคงได้ลิขิตเอาไว้แล้ว ไม่ว่าหน้าที่นั้นจะยิ่งใหญ่หรือเล็กจ้อยแค่ไหนก็ตาม หากว่ามันไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร เราทุกคนก็น่าจะยืดอกภูมิใจกับสิ่งที่ทำ เหมือนกับเจ้าจิ้งหรีดมันก็ทำหน้าที่ของมัน ถึงมันจะเที่ยวเล่นร้องเพลงไปวันๆ แต่มันก็ได้มอบเสียงเพลง เป็นสิ่งตอบแทนไม่ใช่หรือ
บอย ตรัย แห่งวงฟรายเดย์ กับงานเขียนที่แสนจะลุ่มลึก แต่อ่านง่าย ได้อารมณ์เหงา ร้อยแก้วในจังหวะของร้อยกรองที่สะท้อนความคิดอันละเมียดละไมของผู้ชายคนนี้ที่จะทำให้คุณหายสงสัยว่า ทำไมเพลงที่เขาเขียนจึงสัมผัสใจคนได้มากมายขนาดนั้น
- คนที่เดินผ่าน
- เมื่อฉันรู้สึกตัวอีกทีหนึ่ง
- จิ้งหรีดแห่งเมืองสีเทา
- เพลงในฉัน
- นางฟ้าใจดี
- เพลงของวันพรุ่งนี้
- ร้อยแก้ว ยังไม่เมา
- ไม่ช้าก็เร็ว
- ฝัน
- ผมอยู่ในนี้
...ฯลฯ...
เคยคิดว่าความเหงาเป็นเรื่องพ้นสมัย เด็กวัยรุ่นสมัยนี้เลิกเหงาแล้ว เพราะมีอะไรต่อมิอะไรให้สนุกสนานกว่าสมัยก่อน เพิ่งรู้ว่าไม่จริงเลย เมื่ออ่าน จิ้งหรีดแห่งเมืองสีเทา ความเหงาเป็นเรื่องอมตะและเป็นเรื่องส่วนตัว อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วยอมเหงาเพื่อจะได้สัมผัสเนื้ออารมณ์เหงาจนถึงแก่น คุณบอยเขียนหนังสือได้มีเสน่ห์ และยืดอกเป็นตัวแทนการเขียนความเรียงไร้รูปแบบสัมผัสตายตัวได้อย่างภาคภูมิ ภูมิใจที่มีนักเขียนอย่างคุณบอยทำงานให้อ่านค่ะ
งานพรรณ เวชชาชีวะ