เสียงกรีดสายเครื่องดนตรีแว่วกังวานกลางความสงัด เสียงเครื่องสีฟังแปลกหู ไม่แหลมเหมือนซอด้วง และไม่ทุ้มต่ำอย่างซออู้ ทว่าเป็นเสียงที่บาดลึก...โหยหาด้วยความอาวรณ์ ฝ่าเท้าเปลือยขาวนวลตัดกับสีทึบของเงา ส่งให้ความขาวของผิวแทบจะกลายเป็นซีด ร่างนั้นขยับย่างเท้าไปมาเข้ากับท่วงทำนองของเสียงเพลง ปลายนิ้วเรียวราวลำเทียนดัดมาแทบจรดหลังมือ กรีดกรายท่อนแขนกลมกลึงอย่างอ่อนช้อยนุ่มนวลเช่นเดียวกับเรือนร่างอรชรนั้น ก่อนชะงักงันไปเมื่อบางสิ่งกังวานกึกก้องกลบเสียงดนตรีไปสิ้น เสียงหวีดร้อง... แหลมยาวโหยหวน จนแทบไม่เป็นเสียงของมนุษย์ เปี่ยมด้วยความแค้นเคือง คละเคล้ากับความเจ็บปวดโหยไห้ดั่งจะสิ้นใจ นั่นเป็นเสียงสุดท้ายกลางราตรีที่แสนจะวังเวง… ทว่าก็มากเกินพอที่จะจรดลงประสาทของผู้สดับให้จดจำความคลุ้มคลั่งในเสียงกรีดร้องนั้นโดยไม่รู้ลืม!
เรือนไม้โบราณที่ "ลลนา" นักศึกษาสาวต้องใช้เป็นโลเกชั่นเพื่อถ่ายทำสารคดีส่งอาจารย์ก่อนจบการศึกษา หญิงสาวเริ่มพบกับความลึกลับจากเสียงสะล้อที่บรรเลงยามค่ำคืน ก่อนที่อดีตของคนที่เกี่ยวข้องกับเรือนไทยแห่งนี้จะค่อย ๆ เผยให้เธอเห็นทีละน้อย และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราว "ใต้ร่มกาแล"