สำนวน Once in a blue moon มีความหมายคล้ายว่า เรื่องที่นานๆ จะเกิดขึ้นสักครั้ง หรือคล้ายโอกาสดีๆ ที่จะเกิดขึ้นอีกครั้ง ก็คงเหมือนกับโอกาสที่เราได้กลับมาเจอกันอีกในครั้งนี้นะคะ
ในที่สุดหนังสือของผู้เเขยนตัว (ไม่)น้อยๆ ที่มีนามปากกายาวสุดกู่ก็ได้ออกมาสู่สายตาชาวโลกอีกครั้งแล้วจ้า นิยายเรื่องนี้เป็นแนว Asian Fanatic ในรูปแบบย้อนยุค ที่มาที่ไปของนิยายเรื่องนี้มากจากการรีไรท์เรื่องในกรุเก่าของผู้เขียนเองค่ะ เรื่องนี้มีความหมายหลายๆ อย่างที่ทำให้ผู้เขียนทิ้งไว้ในเครื่องเฉยๆ ไม่ได้จนต้องนำมารีไรท์ใหม่ ช่วงที่เขียนเรื่องนี้เป็นช่วงที่มีปรากฏการณ์ที่พระจันทร์เป็นสีน้ำเงิน ตอนนั้นเป็นไอเดียที่ทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นมา ความรู้สึกของผู้คนทั่วไปความหมายของสีน้ำเงินจะออกไปทางความหมายที่เศร้าๆ โดยเฉพาะพระจันทร์สีน้ำเงิน แต่สำหรับตัวผู้เขียนเองกลับรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่โรแมนติกเอามากๆ คืนที่พระจันทร์เต็มดวงจะมีสีที่ผิดเพี้ยนไป ย่อมไม่ธรรมดาแน่ๆ แล้วก็ไม่ใช่ว่าจะมีได้บ่อยครั้ง ในวันแบบนั้นคงจะมีความหมายอะไรบางอย่างซุกซ่อนเอาไว้ มีใครบ้างมั้ยที่รอคอยให้ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้น และนี่ล่ะคะคือต้นเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นมา
วันที่พระจันทร์จะเป็นสีน้ำเงินนั้น...มีจริงหรือ
ซีกิยะ ชายหนุ่มผู้เปรียบดังดวงจันทร์ล่องลอยอยู่ท่ามกลางความชิงชังริษยาแห่งวังหลวง ด้วยสายเลือกนางรำแต่มีฐานันดรศักดิ์ที่สูงส่งเมื่อบิดาเป็นถึงโชกุนผู้ยิ่งใหญ่ เขามีน้องขายต่างมารดาคือ ท่านชายฮิเดโนริ และนั่นจึงทำให้ตำแหน่งรัชทายาทถูกสั่นคลอน
ความแตกแยกของพี่น้องยังระอุเป็นไฟเผาผลาญใจยิ่งขึ้น เมื่อท่านชายทั้งสองต่างหลงรักท่านหญิงแห่งวังต้องห้าม ท่านหญิงเชลยสงครามผู้งดงามดุจดังดอกซากุระที่บานสะพรั่ง
นวนิยายที่อ้างอิงเกี่ยวกับโชกุน เป็นเรื่องราวที่หาไม่ได้ง่ายๆ ต้องชื่นชม Zubara Nana ที่สามารถปั้นแต่งนวนิยายรักหวานซึ้งให้มีกลิ่นอายของราชวงศ์ญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว ความรักในหลายรูปแบบถูกถ่ายทอดสู่ตัวละครจนเกิดสัจธรรมความรักที่ว่า แม้จะรักกันสักเพียงใด ก็ไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ดังใจปรารถนา