พระคัมภีร์ไบเบิลนอกจากจะเป็นหนังสือคำสอนของชาวคริสต์แล้ว ยังเป็นหนังสือที่มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมตะวันตก โดยเฉพาะทางด้านศิลปะและวรรณกรรม เรื่องราว ข้อคิด ตลอดจนจินตภาพจากพระคัมภีร์ไบเบิล มักแฝงอยู่ในเนื้อหาของวรรณคดีตะวันตกมาช้านาน ดังนั้นการมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพระคัมภีร์ไบเบิล จะเป็นรากฐานสำคัญในการอ่านวรรณกรรมตะวันตกได้อย่างมีอรรถรส และเข้าใจความหมายได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
หนังสือเล่มนี้ ได้วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างพระคัมภีร์ไบเบิล และวรรณคดี 4 เรื่อง ได้แก่ บทละครเรื่อง Dr.Faustus นวนิยายแนวกอทิก (Gothic) เรื่อง Frankenstein เรื่องสั้นแนวโรแมนติก (Romantic) เรื่อง Rappacini's Daughter และนวนิยายแนวเหมือนจริง (Realistic) เรื่อง The Avantures of Huckleberry Finn เพื่อชี้ให้เห็นวิธีการที่ผู้ประพันธ์ นำเนื้อหาสาระที่สำคัญของพระคัมภีร์ไบเบิล มาผสมผสานกับงานประพันธ์แต่ละเรื่องได้อย่างตรงประเด็นและสละสลวย สมกับเป็นงานที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นงานวรรณกรรมคลาสสิก
บทที่ 1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับพระคัมภีร์ไบเบิล
บทที่ 2 จินตภาพและสารสำคัญจากหนังสือ Genesis และ Exodus
บทที่ 3 อิทธิพลของ Genesis ในงานเขียนของ คริสโตเฟอร์ มาร์โลว์, แมรี่ เชลลีย์ และ นาทาเนียล ฮอว์ทอร์น
บทที่ 4 อิทธิพลของ Exodus ในงานเขียนของ มาร์ก ทเวน
บทที่ 5 บทสรุป
หนังสือเรื่องนี้มีคุณูปการอย่างยิ่งต่อวงการวรรณคดี และน่าจะช่วยจุดประกายความคิดให้ผู้สนใจวรรณกรรมตะวันตกได้เห็นแง่มุมอื่นๆ ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการวิเคราะห์งานวรรณกรรม นอกเหนือจากมุมที่เคยวิเคราะห์กันมาแล้ว
-- รองศาสตราจารย์ กุลวดี มกราภิรมย์ --
ภาควิชาวรรณคดี คณะมนุษย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
งานเขียนเรื่องนี้ถือว่าได้ทำหน้าที่นี้อย่างสมบูรณ์และสมเกียรติยิ่ง โดยได้อธิบายการเชื่อมโยงความเชื่อทางศาสนากับวรรณศิลป์ได้ชัดเจนและน่าเชื่อถือไปพร้อมกัน
-- รองศาสตราจารย์อาทร ฟุ้งธรรมสาร --
ภาควิชาภาษาญี่ปุ่น คณะศิลปะศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์