เผยสุดยอดเรื่องจริงโลกตะลึงแบบหมดเปลือก เบื้องหลังความตายที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของปริศนา ผลงานการเขียนจากอิลยา ซบาร์สกี และแซมมวล ฮัทชินสัน ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ อิลยา ซบาร์สกี นักเขียนร่วมคือหนึ่งในทีมดองศพแห่งสุสานเลนิน ทำให้หนังสือเล่มนี้นอกจากจะเล่าเรื่องการดองศพไม่ให้เน่าเปื่อย พร้อมทั้งเปิดเผยตัวทีมงาน การเตรียมงาน วิธีการ สูตรเคมี ตลอดจนขั้นตอนการดูแลอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังเผยถึงมุมมองข้อเท็จจริงหลายประเด็นเกี่ยวกับการเมืองโซเวียต โดยเฉพาะยุคสตาลิน หนึ่งในนั้นก็คือ การใช้ประโยชน์จากศพ เพื่อความอยู่รอดของอำนาจ เบื้องหลังความตายของบุรุษเหล็กแห่งโลกคอมมิวนิสต์ ที่ไม่ได้หมายถึงการจบลง หากแต่เป็นการเริ่มต้นเสี่ยงชีวิตของเหล่าผู้ทำหน้าที่รักษาสภาพศพ ทำไมต้องเสี่ยงชีวิตกันขนาดนี้? ร่วมค้นหาคำตอบพร้อมกันได้แล้ว
1. อาการป่วยและความตายของเลนิน "สู้เพื่อชีวิตและพรรค"
2. สุสานยุคก่อนประวัติศาสตร์ แข่แข็งศพ หรือ "Balsamed"
3. พ่อของผม "นักวิทยาศาสตร์ผู้ทะเยอทะยาน"
4. ครอบครัวอภิสิทธิ์ชน
5. ชีวิตมหาวิทยาลัย "นักศึกษาที่เป็นและไม่เป็นประโยชน์ต่อสังคม"
6. มือใหม่ในสุสาน "สุภาพบุรุษที่กำลังหลับ"
7. ปีสยองขวัญ "ยาฆ่าเชื้อซบาร์สกี"
8. ปีสงคราม "ย้ายศพหนี"
9. เบอร์ลิน 1945 "ช้าไปก้าวเดียว"
10. ผู้เผด็จการโค่นนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำ "ศาสตร์รัสปูติน"
ฯลฯ
บุคคลที่เก่งกาจมีชื่อเสียงปานใด ก็หลีกเลี่ยงความตายไม่พ้น แต่ก็สามารถนำมาสร้างเหตุการณ์ให้เกิดเรื่องราวให้เกิดจากคนที่ยังรักและศรัทธาคนตายที่พยายามหาทางรักษาสถานภาพของศพไม่ให้เน่า ดังเช่นหนังสือในมือผู้อ่านเล่มนี้ ทำไม เวลามีชีวิตอยู่ ร่างกายจึงไม่เน่า คำตอบคือเพราะหัวใจเต้น จึงมีการสูบฉีดออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อซึ่งทำให้มีการสร้างพลังงานเพื่อควบคุมองค์ประกอบภายในเซลล์ให้อยู่ในสภาพดี ความผูกพันกับบุคลลผู้จากไปกลายเป็นแรงบันดาลใจให้มีการพยายามรักษาศพ การทดลองค้นหาวิธีการ นำยา รวมทั้งเทคนิค ทำให้มีการค้นพบวิธีการหยุดการเน่าสลายแม้ไม่อาจคืนชีวิตให้แก่คนตายได้
--แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์--
ผมพบหนังสือ Lenin's Embalmers เมื่อกว่าสิบปีมาแล้วในต่างประเทศ แต่จำไม่ได้ว่าประเทศใด หลังจากลองพลิกอ่านพักเดียวก็ตัดสินใจซื้อทันที เพราะประการแรกมันเป็นเรื่องที่แปลกซึ่งมีทั้งวิทยาศาสตร์และการเมืองปนเปกันอยู่ และประการที่สองมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับบุคคลหนึ่งที่ผมสนใจมานานว่าเหตุใดคนคนหนึ่งจึงสามารถโหดร้ายมารุณต่อเพื่อนมนุษย์ได้ขนาดนั้น
--วรากรณ์ สามโกเศศ--